Loading Now
×

ท่ากรรเชียง

วางแขนของคุณไปด้านหลังอย่างเร็วและต้องวางให้ชิดกับหูของคุณด้วยการใช้แขนท่ากรรเชียง

การว่ายท่ากรรเชียง ต้องนอนหงายแล้วว่ายในลักษณะเคลื่อนที่ไปด้านหลัง แต่การทำงานของแขนและมือจะคล้ายกับท่าฟรีสไตล์มาก

  1. เมื่อยืดแขนออกไปแล้ว แขนต้องชิดหู ไม่ใช่เอาหูไปชิด ให้พาแขนมาชิดหู
  2. ให้คุณกดแขนลงไปในน้ำ ที่สำคัญปล่อยไหล่ตามสบาย ถ้าคุณเกร็งไหล่ให้อยู่กับที่เอาไว้ จะกดแขนลงน้ำไม่ได้
  3. งอข้อศอกและตั้งมือ พร้อมทั้งดันน้ำผ่านไปทางต้นขาของคุณอย่างรวดเร็ว
  4. จังหวะสุดท้ายของการดันน้ำ ให้กดมือลงอย่างแรง จนแขนของตึง
  5. เมื่อคุณยกแขนขึ้นมาจากน้ำ คุณต้องไม่งอข้อศอก และวางแขนไปด้านหลังโดยไม่ฟาดน้ำ โดยการวางแขนนั้นให้คุณหันฝ่ามือเอานิ้วก้อยลงก่อน
  6. เริ่มทำข้อ 1. กับแขนอีกข้าง

ข้อควรจำ

  1. ในการวางแขนลงน้ำเพื่อจะดึงน้ำต่อไป ต้องให้นิ้วก้อยลงน้ำก่อนเสมอ
  2. ไม่ต้องกังวลเรื่องที่น้ำจะเข้าหน้าคุณ เพราะว่าถ้าคุณว่ายถูกต้อง น้ำก็เข้าหน้าอยู่แล้ว ให้คุณแก้ไขโดยกำหนดจังหวะหายใจ เช่น ยกแขนขวาขึ้นหายใจเข้า ยกแขนซ้ายหายใจออก เป็นต้น
  3. ให้คุณเก็บคางเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ก้มจนหูพ้นน้ำ และไม่เงยจนกระทั่งหน้าจมลงไปในน้ำ
  4. ยืดตัวเอาไว้ อย่างอตัวเป็นกุ้งเด็ดขาด

การใช้ขาท่ากรรเชียง

” การเตะขาที่ถูกวิธี จะช่วยทำให้คุณว่ายน้ำได้เร็วและดีขึ้น เพราะมันจะช่วยให้การทรงตัวของร่างกายคุณสมบูรณ์แบบ ”

ในการเตะขาท่ากรรเชียงนั้น จะมีน้ำหนักในการเตะขามากกว่าท่าฟรีสไตล์ โดยเป็นการเตะในลักษณะสะบัดน้ำขึ้นไปทำให้ขาต้องทำงานหนักกว่าปกติ แต่การเตะที่ถูกต้องก็จะช่วยเสริมให้การว่ายดีขึ้นและอย่างที่บอกคือจะทำให้การทรงตัวของร่างกายสมบูรณ์แบบ ขั้นตอนในการเตะขาแบบกรรเชียง มีดังนี้

TIP OF BACKSTROKE

  1. มีอยู่ 3 อย่างที่คุณต้องบังคับให้อยู่บนผิวน้ำ แต่ต้องไม่เกร็ง คือ ใบหน้า หน้าอก และท้อง
  2. ลำตัวช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไป พยายามอย่าให้ยกขึ้นมาเกินผิวน้ำ
  3. ที่ผมบอกว่าใบหน้าลอยน้ำ ก็ต้องเป็นใบหน้านะครับ ไม่ใช่ศีรษะลอยขึ้นมาเหนือน้ำ สังเกตง่าย ๆ ว่าเวลาคุณว่ายหูของคุณพ้นน้ำขึ้นมาทั้งหูหรือเปล่า ถ้าใช่ก็แสดงว่า คุณยกศีรษะขึ้นมาเหนือน้ำแล้ว
  4. เวลาว่ายให้เก็บคางเล็กน้อย ไม่ใช่ก้มมามองเท้า และไม่เงยจนหน้าจมน้ำ
  5. แขนห้ามงอเด็ดขาดเมื่อยกขึ้นมาพ้นน้ำ

Share this content: